วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

>> บทสัมภาษณ์พระสมภพ วัดบางกระดี่

พระที่ให้สัมภาษณ์เป็นพระหนุ่ม ที่เลือกสัมภาษณ์รูปนี้เพราะมี อายุใกล้เคียง และรู้จักกันมาก่อน น่าจะให้คำตอบได้ถ้าถามในประเด็นที่ละเอียดอ่อน (เป็นพระองค์แรกที่ให้สัมภาษณ์ ข้าพเจ้าไม่แน่ใจในเรื่องความกระทบกระเทือนจิตใจของคำถาม)

แม้ว่าพระสมภพไม่ได้เป็นพระชิ่อดัง หรือพรรณษาเยอะส่วนตัวข้าพเจ้าคิดว่า บทสัมภาษณ์บทนี้อาจเป็นตัวแทนของชายหนุ่มที่บวชเรียนตามประเพณีได้ โดยคำถามแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ในแง่ของจิตใจ และการประพฤติ กับ ความเชื่อและพุทธประวัติ

-------------------------

1. ปัจจุบัน การฆ่าสัตว์ ไม่ได้ทำเพื่อปรุงกินเอง แต่ทำเพื่อป้อนเข้าสู่กระแสสังคม บาปยังตกอยู่กับใคร เพราะไม่ว่ายังไงสังคมนี้ก็ต้องมีคนฆ่าอยู่แล้ว ตามกลไกของสังคม จริงไหม?

บาปแน่นอน เจตนาฆ่า คนฆ่าเป็นบาป คนกินก็เป็นเศษกรรม มันหลดหลั่นกันไป

2.บาปยังไง ทำไมถึงลดหลั่นได้?

ต้องอธิบายก่อนว่า บาปเนี่ย ในการฆ่าสัตว์ คนไทยมักเข้าใจผิดว่า วันนี้เหยียบมดตาย ต้องชดใช้เต็มๆ คือความจริงมันขึ้นอยู่กับขนาดของสัตว์ด้วย สัตว์ที่เราลงเจตนาฆ่า ต้องใช้แรงเยอะ วิธีซับซ้อน ความรู้สึกเจ็บปวดของมันเยอะ ก็บาปเยอะ เราเชือดไก่ด้วยมีดได้ แต่ช้างนี้เอาปืนยิงมันยังไม่ตายเลย

มันก็เหมือนกับการฆ่า แล้วจ้างวานนั่นแหละ โอเค คนกินอาจไม่ได้จ้างวานโดยตรง แต่ถ้าเขาฆ่ามาแล้วมารับเงินจากคนกิน ขึ้นศาลก็ต้องมีบทลงโทษกันไป

3.ทหาร ตำรวจ หรือคนที่ฆ่าคนเพราะหน้าที่ อุดมการณ์ อย่างพอลพต ฮิตเลอร์ รูสเวลท์นี่ คิดยังไง คือเขาไม่ได้รู้สึกผิดบาปเพราะมันเป็นหน้าที่ แล้วทำไมพวกนักการเมืองอย่างที่ว่ามานี่ ตอนตายทำไมมันสบายจัง?

พิสูจน์ได้เหรอว่าตายสบาย เขาอาจตกนรกก็ได้นะ

ตอบเรื่องตำรวจฆ่าโจร หรือ การทำหน้าที่ของทหารก่อน คือ บาป หรือ นรก เนี่ยมันมองได้สองมุม คือ บาปในใจ นรกในใจ และ นรกจริงๆที่เป็นสถานที่ลงโทษคนบาป เราอาจจะพิสูจน์ไม่ได้ว่านรกมีจริงมั้ย แต่แน่นอนว่า ถ้าเราเอาปืนไปยิงใครซักคนตายเนี่ย เราต้องรู้สึกผิดแน่นอน นั่นคือนรกในใจ เป็นบาปเกิดในใจ

ซึ่งมองกลับกัน เราฆ่าโจรเพื่อปกป้องใครซักคน หรือทำตามหน้าที่ อย่างน้อยเราก็จะมีความรู้สึกชอบธรรมมากกว่ากรณีแรกใช่มั้ย เรื่องบาปบุญน่ะ ต้องดูเจตนาเป็นสำคัญด้วย

4. เหมาะมั้ยที่พระไปพันทิพย์? แล้วพระไปทำอะไร ซื้อคอม ซื้อมือถือไปทำอะไร? ไม่ได้พูดถึงว่าเณรไปซื้อเกมนะ มันค่อนข้างชัดอยู่แล้ว

ไม่เหมาะนะ ยกเว้นแต่ว่าไปในกิจธุระเช่น ซื้อคอมเพื่อการศึกษา บริจาคให้โรงเรียน คือมีกิจที่ต้องไปจริงๆ แล้วก็พระไม่ควรใช้เงินนะ เงินมันเป็นของทางโลก

5. พระที่ปลุกเสกเครื่องบูชา จตุคาม หรือแสดงปาฏิหารย์ อะไรพวกนี้ เหมาะมั้ย?

มันมีนิทานเล่านะในพระไตรปิฏก คือมีพระที่เหาะเหินเดินอากาศได้ ก็เพลิดเพลินใจกับการเหาะเหินนั่นแหละ ไม่มาโปรดสัตว์ เผยแพร่บุญ พอกุศลหมด ก็ตกลงมาตาย

ในความเป็นจริงแล้วก็มีกฎอยู่ ถ้าอวดอ้างปาฏิหาริย์ทั้งๆที่ไม่มีจริงก็คือ จับสึกเลย แต่ถ้ามีจริงก็โทษลดหลั่นไป

ส่วนเรื่องปลุกเสกนี่ไม่ควรนะ มันมอมเมา เมื่อที่ผ่านมามีข่าวว่าหลวงปู่คนหนึ่ง ที่วัดมีจระเข้ พอท่านมรณภาพไป ก็มีคนบอกว่าท่านไปเกิดใหม่เป็นจระเข้ ชาวบ้านเอาจระเข้ามาบูชา ซึ่งตามหลักจริงๆมันแย่มาก เป็นพระมาก่อนแต่ชาติต่อไป ดันไปเกิดเป็นเดรัจฉาน มันไม่ใช่ บางทีชาวพุทธก็หลงไปเองด้วย ไม่ใช่แค่พระสงฆ์

6.แล้วก็ยังมีพระที่ปลุกเสกอะไรพวกนี้อยู่ดีในสังคมใช่ไหม หมู่พระด้วยกันเองเขาเตือนกันบ้างมั้ย?

คือต้องเข้าใจก่อนเลยว่า พระนี่ คือชาวบ้าน ชาวบ้านที่เข้ามาบวช บางคนไม่ได้รับการศึกษามาบวช เขาก็ทำอะไรแบบนี้แหละ แล้วมันก็มีพระวินัย 1 ในศีล 227 ข้อ คือพระองค์ใด กล่าวหาพระอีกองค์โดยไม่มีหลักฐาน ถือว่าอาบัติ มันก็เลยไม่ค่อยมีใครมาตรวจสอบใคร ก็เลยปล่อยๆกันไป ยกเว้นทางกรมศาสนา หรือ มหาเถรสมาคม

แต่มันมีกลไกการตรวจสอบที่ง่ายกว่านั้นคือ การร้องเรียนของชาวบ้าน ชาวบ้านจะเป็นคนตัดสินเป็นส่วนใหญ่ เหมือนเราได้ยินตามข่าวคือ ชาวบ้านจะไปเรียกร้องให้พระสึก หรือแจ้งตำรวจเอง กลับกันถ้าชาวบ้านปล่อยปละละเลย พระที่อาบัติก็อาจถูกมองข้ามเหมือนกัน

ตัวอย่างในวัดนี้ก็มี บางทีพระบางองค์นั่งฉันท์กันอยู่ก็พูดกระทบกระทั่งกัน ประชดกัน มันก็เหมือนชาวบ้านนั่นแหละ การตักเตือนกันก็มีนะ เหมือนสังคมทั่วไป ผู้ใหญ่ติผู้น้อย ซึ่งหลักๆคนที่มีหน้าที่ดูแลคือ เจ้าอาวาส

7. ถ้ามันมีชาวบ้านที่งมงายจริงๆ และพระที่รู้ว่ามัน ไม่ใช่ จริงๆ แล้วทำไมมันถึงลุกลามกันเยอะอย่างนี้ ความงมงายในสังคมน่ะ?

ข้อแรก อย่างที่ตอบไป พระบางส่วนก็เป็นชาวบ้านเข้ามา และชาวบ้านศรัทธาศาสนาเพราะ กุศล ศักดิ์สิทธิ์ ปาฏิหารย์ ข้อที่สองคือ พุทธศาสนาไม่ได้มีข้อห้ามในการนับถือเทพองค์อื่น หรือ นับถือเครื่องบูชา มันเลยมีสิ่งพวกนี้เข้ามากวน เราไม่ได้ห้ามเหมือนศาสนาอิสลาม ของเขาห้ามหมดจดเลย มันเลยไม่มีอะไรมากวนในชีวิตประจำวันของเขา

หน้าที่ของเราก็คือต้องคอยเตือนสติเขาว่า ท่านกำลังทำอะไร มากกว่า

มันก็เป็นหน้าที่ของการศึกษาด้วย สังเกตว่าคนเมืองกับชาวบ้านจะต่างกัน พระห้ามให้เชื่อไม่ได้ แต่การศึกษาจะบอกเอง

8. ทางพระสงฆ์พอใจในสภาพแบบนี้มั้ย?

ไม่ แต่มันไม่ใช่กิจของสงฆ์ในการห้ามปราม เราบอกแก่ชาวบ้านได้ว่าให้มีสติในการศรัทธา แต่เราห้ามใครไม่ได้ ใครกราบไหว้อะไรไม่ได้ ใครเทศน์ได้ก็เทศน์ แต่ใครบัวในตม เราก็ต้องปล่อยวาง

9.ถามเรื่องปล่อยนกปล่อยปลาหน่อย ตกลงมันได้บุญจริงมั้ย?

ไม่ได้ มันเป็นบุญไม่เต็ม บุญจะประกอบด้วยสามส่วนนะคือ 1.ใจเป็นบุญ 2.สิ่งที่ให้เป็นสิ่งที่ถูกต้อง 3.คนรับมีความสุข นี่คือบุญที่เต็ม

ถ้าปลาที่จะโดนฆ่าในตลาด นั่นคือบุญเต็มแน่นอน แต่ถ้าประเภทจับมาปล่อยนี่ไม่ใช่แล้ว อาจจะเป็นการส่งเสริมให้พวกที่จับมาปล่อยเป็นการค้า เป็นการช่วยกันทำบาปซะอีก

10.ทำไมชอบสร้างโบสถ์ใหญ่ๆกัน?

เพราะชาวบ้านคิดว่า มาบริจาคสร้างโบสถ์ แล้วจะได้บุญ

การสร้างสถานที่ปฏิบัติธรรม ให้จุชาวบ้านที่มาทำบุญได้มากเป็นเรื่องดี แต่ชาวบ้านบริจาคเพราะต้องการกุศลตอบแทน อันนี้เป็นเรื่องไม่ค่อยดี หวังแต่ว่า ขอให้ชาติหน้ารวยๆ ขอให้โชคดี

และอีกอย่างที่เป็นปัญหามาก คือ การทำบุญแล้วแปะชื่อตัวเองเข้าไป เช่น ถวายห้องน้ำ การทำบุญนี่ควรให้อย่างไม่หวังสิ่งตอบแทนนะ แต่นี่ถวายห้องน้ำ แถมแปะชื่อ แปะจำนวนเงิน คือยึดติดและหวังผลมาก

ชาวบ้านบางคนก็จะเขียนชื่อตัวเองไว้ในกระเบื้องที่บริจาค เพราะเชื่อว่าจะได้ไปสวรรค์ถูกคน เป็นหลักฐานอะไรแบบนั้น บางคนก็บริจาคเพื่ออวดบารมี

11.ทำไมต้องใช้ภาษาบาลี

ภาษาบาลี เป็นศาสนาสากลของพุทธทั่วโลก เหมือนเราใช้ภาษาอังกฤษ

12.ไม่คิดเหรอว่ามันทำให้ยากต่อการเข้าใจ มันเป็นปัญหากับการดึงคนเข้ามาศรัทธามั้ย

มันก็มีปัญหานะ แต่อีกคนละมุม นี่เลย ที่ผ่านมา ชาวบ้านบอกว่าสวดบาลีแล้วจะได้บุญ เอาเข้าไป คือประโยชน์ของมันจริงๆแล้ว ศาสนาพุทธ มีทั่วโลก และมีอายุยืนนาน ภาษาบาลีมันเป็นภาษากลางที่แปลทีเดียวเข้าใจ ไม่ต้องการตีความซ้ำซ้อน เช่น แปลบาลีเป็นอังกฤษ หลังๆหน่อยก็แปลจากอังกฤษเป็นไทย ซึ่งเมื่อเป็นแบบนั้นมันจะทำให้เกิดการบิดเบือนได้ง่าย ดังนั้น ตัดปัญหาคือใช้บาลีเป็นภาษากลางเลย

ในฐานะพุทธศาสนิกชน รู้ภาบาลีก็ดี จะเข้าเข้าใจหลักธรรมมากขึ้น

13.จุดสุดยอดของศาสนาพุทธคืออะไร นิพพาน?

เราต้องการให้คนมีความสุข ไม่เป็นทุกข์เพราะกิเลส เรื่องการหลุดพ้นนั่นก็เป็นอีกขั้นนึงของผู้ที่อุทิศตนให้ศาสนา ประพฤติตนเพื่อดับกิเลสทุกอย่าง แต่พูดจริงๆแล้วถ้าทุกคนบวชเป็นพระหมด สังคมก็อาจจะเดินต่อไปไม่ได้

14. ศาสนาอื่นมีการเผยพร่ศาสนาในเชิงรุก ทำไมเราไม่ทำแบบนั้นบ้าง มันน่าจะแก้ปัญหาเรื่องความไม่เข้าถึงของชาวบ้านได้นะ

การบวชของพุทธเป็นได้ทั้งการเข้ามาศึกษาธรรม เข้ามาบวชตามประเพณี เข้ามาคงไว้ซึ่งศาสนา จนถึงเข้ามาเผยแพร่ ส่วนมากก็จะเป็นแบบแรกนี่แหละ คือ ชาวบ้าน คนทั่วไป เข้ามาเอง เมื่อพอใจแล้ว รู้ซึ้งแล้ว ก็สึกไปตามทางชีวิตแต่ละคน นำหลักธรรมไปใช้ชีวิต

ส่วนเรื่องการเผยแพร่ในเชิงรุก ก็มีการทำโครงการต่างๆ แต่ให้เทศน์พร่ำสอนดะไปเลยก็ไม่ได้ มีพระวินัยในการเทศน์เหมือนกันนะ เช่น ไม่เทศน์คนสวมรองเท้า ไม่เทศน์คนถืออาวุธ เวลาเราจะแสดงธรรมกับใคร เราต้องดูด้วย ว่าเค้าพร้อมจะฟังรึเปล่า

คำถาม ใน แง่ของพุทธประวัติ และความเชื่อ

เป็นคำถามที่สัมภาษณ์ที่วัดบางกระดี่กับพระสมภพ และพุทศาสนิกชนคนหนึ่งที่เพิ่งสึกออกม

การเหาะเหินเดินอากาศพวกนี้ คิดว่ามีจริงมั้ย?

- อาจจะมี หรือไม่มีก็ได้นะ ไม่ได้สนใจเท่าไหร่

- คิดว่ามี เพราะมันมีปรากฏข้อห้ามในธรรมวินัยเรื่องการแสดงปาฏิหาริย์ ถ้ามีห้าม ก็น่าจะมีจริง

2. คิดว่าพุทธประวัตินี่คือชาดก เพื่อแต่งมาสู้กับพราหมณ์ ฮินดูมั้ย

- อาตมาเชื่อว่า พระพุทธเจ้าเป็นอัจฉริยะบุคคล ที่ร้อยปี อาจจะมีซักคน ส่วนอย่างอื่นอาจจะแต่งเสริมมา

- สมัยบวชมีพระอาจารย์จากเนปาล ชื่อ พระดร. อนิลมาน ธมฺมสากิโย เป็นด็อกเตอร์ที่ศึกษาเกี่ยวกับพุทธประวัติ ท่านมาเทศน์ที่วัดบวรฯ ท่านเล่าว่า ตั้งแต่ประสูติจนถึงตรัสรู้ ก่อนหน้านี้ชื่อสิทธัตถะไม่ปรากฏในสายราชวงศ์ของอินเดียเลย และเรื่องราวพุทธประวัติก็ถูกบันทึกหลังจากท่านนิพพานไป 400 ปี

3.ก็ใส่กันสนุกเลยสิงั้น

- ท่านบอกว่า ไม่บอกนะว่าตกลงพุทธประวัติแต่งขึ้นรึเปล่า ต้องไปหาค้นคว้าเอาเอง พิจารณาเอาเอง

- อาตมาสงสัยอีกอย่างคือ ดอกบัวเนี่ย เราก็รู้ๆว่าตอนประสูติมีดอกบัวใช่มั้ย แต่ทำไมต้องเป็นดอกบัวทั้งๆที่มันถูกตั้งขึ้นเป็นสัญลักษณ์ในภายหลังถึงการตรัสรู้

แล้วก็อีกอย่างคือ เรื่องการระลึกชาติที่ว่า ไปเป็นกวาง หรือ สัตว์อื่นน่ะ ทำไมไม่มีไปเป็นไดโนเสาร์ หรือสัตว์โบราณอะไรบ้าง เพราะมันก็มีถึงตอนนี้ เหมือนยุคนั้นผู้แต่งไม่คิดว่าจะมีสัตว์มากกว่าที่เห็นรึเปล่า

3.มีคำถามก่อนบวช ซึ่ง บวชแล้วมากระจ่างไหม

- ก็ไม่ค่อยนะ ส่วนมากมันก็ไม่ได้สำคัญเป็นประโยชน์กับชีวิต เช่นพวกพุทธประวัติ ชาดก อะไรพวกนี้

- มีระหว่างที่บวช เรื่องทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่วน่ะ ดูตัวอย่างจากนักการเมืองบางคนผมว่ามันหนักมากแล้ว ทำไมยังอยู่ได้ ก็มีหลวงพี่มาสอนว่า เขายังมีบุญเยอะ มีสิ่งดีๆที่เขาทำอยู่หนุนอย่ เมื่อหมดไป ก็จะมีกรรมต่างๆมาชดใช้เอง

4.แล้วถ้าชิงตายก่อนยังบุญไม่หมดล่ะ

- อาจไปใช้ชาติหน้ามั้งไม่แน่หรอก ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน

5.ชาติหน้ามีจริงมั้ย

- อย่าเชื่อจนกว่าจะเห็นผลเลย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น