วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

>> บทสัมภาษณ์พระกฤษวัฒน์ วัดป่านาบุญ จังหวัดเชียงใหม่

ข้าพเจ้าได้พบพระกฤษวัฒน์ขณะที่ไปหาข้อมูลที่วัดบวรนิเวศน์ พระกฤษวัฒน์บอกว่าท่านเป็นพระที่เน้นด้านปฏิบัติ เมื่อสัมภาษณ์แล้ว รู้สึกว่ามีความแตกต่างกับที่เคยสัมภาษณ์พุทธศาสนิกชนหรือพระสงฆ์อยู่บางส่วน เลยนำเอามาลงให้อ่านกันครับ

--------------

ผมได้ไปวัดที่ต่างจังหวัดมา ก็เป็นวัดใหญ่เหมือนวัดประจำจังหวัด ที่ผมเห็นคือ บูธขายกระเบื้องที่เขียนว่าบริจาคให้วัด มีการป้ายปริ๊นท์ไวนีล โต๊ะแลกเหรียญ ห้องบัญชี
คือ ผมเห็นแล้วผมไม่แน่ใจว่า วัดสามารถหารายได้แบบนี้ได้เหรอ?

อาตมาคิดว่า สิ่งที่น่าจะเป็นประเด็นกว่าคือ เงินนั่นได้เอาไปใช้ในส่วนไหน เอาไปใช้ซ่อมแซมบำรุงวัดจริง หรือ เอาไปเข้าส่วนอื่น ไปตกที่มัคทายก ญาติโยม อะไรแบบนี้มากกว่า

พระอาจารย์คิดยังไงกับการที่พระสงฆ์เดินในห้างพันทิพย์
เรื่องนี้ โดนมาก เป็นสิ่งที่สังคมตำหนิ และตัวพระก็เป็นจริงด้วย แต่ถ้าเราเห็นเขาแล้วตำหนิในใจมันไม่ควร เพราะมันจะทำให้เราเกิดอคติ เพราะอคติของเราก็จะไปลงกับพระรูปอื่นด้วย พระรูปอื่นที่เค้าประพฤติตัวดีก็มี มันจะเป็นบาปที่ติกับตัวเอง

แล้วเราสามารถว่ากล่าว ตักเตือนได้ไหม คือผมฟังพระบางท่านเทศน์ว่า เราสามารถเตือนได้ เพราะมันก็เป็นบุญที่เราแนะนำ ชี้แนะเขา
ไม่ควร เคยมีโยมบอกว่า หลวงพี่ทำตัวดีๆแล้วกัน อาตมาก็บอกว่า โยม อยู่ถือศีลอะไร แล้วโยมพูดด้วยความรู้สึกยังไง ซักพักเขาก็รู้ตัวและขอโทษ

เรื่องที่บอกว่าไม่ควรเพราะ ถ้าโยมปฏิบัติธรม จะรู้ว่า เราไม่ควรตำหนิ ท่านผิด ท่านก็ผิด โยมรู้จากอะไรว่าพระท่านนี้ควรไม่ควร โยมรู้ว่ามันไม่ควรในแง่ของพระวินัย แต่ลึกๆแล้วโยมไม่รู้จุดประสงค์นะ พระบางท่านเขาอาจจะศึกษาบางอย่างจากหนังก็ได้ ซึ่งในเรื่องพระวินัยแบบควรไม่ควรเนี่ย เมื่อโยมรู้จากตำรา โยมจะคิดเองเออเองว่า ใช่ โยมรู้แจ้งแล้ว แต่ถ้ารู้จากการปฏิบัติ เข้าใจด้วยการสัมผัส จิต และสมาธิ โยมจะเข้าใจว่ามันไม่ได้ผิดบาป มันมีอะไรมากกว่าการผิดจากกฏที่โยมจดจำด้วยตัวอักษรในตำรา

ยอมรับว่า พระที่เข้าไปในที่ตรงนั้น แล้วใช้ปัจจัยจ่ายซื้อมาเพื่อสิ่งบันเทิง มีอยู่จริง เยอะด้วย ซึ่งในเบื้องต้นก็คิดว่าไม่ควรนะ เพราะมันเป็นที่อโคจร แคบ ผู้คนแออัด มันจะมีผลได้ทั้งว่า พระสงฆ์อาจโดนล่วงเกิน และเป็นเป้าที่ล่อแหลมต่อสายตาประชาชนในที่นั้น

สมมุติว่า พุทธศาสนิกชน เตือนไม่ได้ แล้วใครจะเตือน
พระภิกษุสงฆ์ตักเตือนกันเองได้ แฃ้วก็ต้องดูว่า ท่านยอมรับหรือไม่ ถ้าไม่ก็ว่ากันตามกฏ บางอย่างต้องดูที่เหตุและผล เช่น พระจับเงิน ซื้อของ เช่น พ่อแม่ป่วย แล้วไม่มีญาติ ท่านต้องหาหยูกยามารักษา มันจำเป็น ก็ต้องแตะเงิน คือ แตะได้ แต่ก็ต้องมีเหตุ ไม่ใช่จะมาตำหนิกันอย่างเดียว เฮ้ย ท่านใช้เงิน ผิดๆ อย่างนี้มันไม่ได้หรอก

จากที่ผมสัมภาษณ์ และประสบการณ์ของผมคือ ผมหลุดจากศาสนาพุทธไปในช่วง ม.ต้น เพราะผมไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเรียนบทนี้ ต้องท่องบทนี้ และการสอนหลายอย่างที่มันบิดเบือน อยากถามว่าท่านกฤษวัฒน์รู้สึกอย่างไรกับการเรียนการสอนพุทธศาสนาของเรา
การสอนวิชาพุทธศาสนา บางส่วน การสอนแบบนั้นก็มีส่วนให้เกิดความไม่เข้าใจ เช่น ผู้สอนเองก็ไม่เข้าใจถ่องแท้ เพื่อนฝูงก็มีส่วน การบีบคั้นทางสังคม ครอบครัว ก็มีส่วน

หลักสูตรมันดีอยู่แล้วรึยัง ก็ยังไม่ดีหรอก คือมันได้ในแง่ของนกแก้วนกขุนทอง คือ รู้ มันก็รู้ไม่จริง คือแค่ให้บรรจุอยู่ในประถมมัธยม แต่เด็กเขารู้มั้ย เช่น นั่งสมาธิ ผู้สอนรู้ดีแค่ไหน หรือรู้แแค่คำอธิบายเหมือนกัน เพราะสมาธิก็จะมีหลายแง่ เช่น ทำงานก็มีสมาธิ (ขณิกสมาธิ ทำงานเพลินจนลืมสมาธิ) แต่ถ้าเราจะสอนให้เด็กรู้จักแค่การนั่งสมาธิต้องออกมาเป็นแบบในรูปนี้อย่างเดียว เด็กก็คงไม่เข้าใจถึงคำว่าสมาธิ

ถามเรื่องการปล่อยนกปล่อยปลาหน่อยครับ คือในมุมมองของผม ผมสงสัยว่ามันนับเป็นบาปได้มั้ย เพราะเหมือนการที่เราส่งเสริมให้คนขายจับสัตว์มาขายเป็นอาชีพ
อาชีพคนจับก็ได้บาปไป ผู้ที่ปล่อยก็ได้บุญไป บุญมันคือความสบายใจ อิ่มเอิบใจนะ เราห้ามเค้าไม่ได้หรอก เรื่องจับ มันก็เหมือนที่เค้าปล่อยปลาปล่อยเต่า
อาตมาก็เห็นที่วัดระฆัง เขาปล่อยเต่า ปล่อยไปไม่เท่าไหร่ แล้วก็ว่ายไปจับกลับมา

แต่อย่าไปคิดมาก เราทำไปก็ได้บุญ เราคิดมากก็ไม่ได้บุญ
เรื่องจับ มันเป็นเรื่องบาปของเค้า
เราไม่ได้บาปด้วยหรอก

วัดทำอะไรได้มั้ย เรื่องที่พ่อค้าแม่ค้าเค้ามาทำกิจการนี้ในวัด
ก็ต้องดูที่เจตนา เรื่องที่พ่อค้าแม่ค้าเอามาเปิดกิจการในวัด ถ้าเอาเงินเข้าวัด บำรุงวัดก็ยังพอรับได้ แต่ถ้าเอาเข้าส่วนอื่นนี่ก็แย่นะ

ในช่วงที่ผ่านมามีการเคลื่อนไหวทางการเมืองเยอะ ผมเห็นพระไปขึ้นเวทีเสื้อสีก็มี พระออกมาประท้วง เรียกร้องทางการเมืองก็ดี (เรื่องการบัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติในรัฐธรรมนูญ หรือเรื่องการฮุบที่ดินวัด) ในเรื่องการปลุกระดมของเวทีสีเสื้อนี่มันคงจะชัดว่าไม่เหมาะ ผมก็อยากรู้ว่า แค่ไหนถึงจะเหมาะ เพราะมันมีประเด็นที่เกี่ยวกับความเป็นอยู่ของสงฆ์

จริงๆแล้วพระไม่ควรยุ่งเลย ในเรื่องการเมือง ทางโลก ถ้าท่านยังสนใจในเรื่องการเมืองและทางโลก ท่านก็เป็นปุถุชน ในเรื่องฮุบที่ดินวัดนี่มีสิทธิ สามารถเรียกร้องสิทธิ์ตรงนั้นได้นะ มันเป็นที่ของวัด โยมจะตัดต้นไม้ในวัด โยมยังต้องขอเลยนะ ถ้าเกี่ยวกับความเป็นอยู่ของและสิทธิของสงฆ์ก็สามารถเรียกร้องได้

ช่วงนี้มีกระแสเกี่ยวกับการแก้กรรม หนังสือสแกนกรรมอะไรพวกนี้ คิดว่ามันเป็นสิ่งที่อยู่ในทางเดียวกับพุทธศาสนามั้ย
ก็มีเกี่ยวกับทางพุทธศาสนา เรื่องกรรมเนี่ยก็ขึ้นอยู่กับว่า เหตุและปัจจัยนั้น เช่น ถ้าญาติโยมเชื่อว่า กฏแห่งกรรมมีจริง เราก็ปฏิบัติธรรมและยกกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรไป คือตามหลักของพระพุทธเจ้า อย่าหลงเชื่อตามลมปาก บางอย่างมันสามารถดูกันง่ายกว่านั้นโดยไม่ต้องไปมองชาติไหน เช่น มะเร็ง รักษาหาหมอ ไม่หาย ไม่ดีขึ้นก็เครียด พอเครียด ก็จะทำให้มะเร็งโต แต่ถ้านั่งสมาธิ จิตเย็น มะเร็งเติบโตน้อยลง นี่ก็เป็นอีกมุมของการปฏิบัตธรรมแล้วรักษาโรคทางกายได้

ผมได้อ่านเกี่ยวกับการเตรียมตัวเพื่อแก้กรรมทำแท้งจากวัดๆหนึ่ง ซึ่งมีการถวายปัจจัยด้วย อยากทราบความเห็นของท่านอาจารย์ครับ
เรื่องปัจจัยในการแก้กรรม เช่นการทำแท้ง มันเหมือนการฆ่าคน ถ้าจะทำบุญกุศล ก็ต้องบวชให้เค้า เพราะการบวชเป็นบุญใหญ่
ทำไมต้องทำ เพราะเราไปทำลายชีวิตเค้า การบวชไม่ใช่การแก้กรรม เท่าที่อาตมารู้คือ เราทำบุญกุศลให้เค้าเพื่อคลายความแค้นให้เค้า เพราะถ้าการทำแท้งมันเป็นการทำลายชีวิตเค้า เค้าทรมานจนกว่าจะถึงเวลาตาย ยิ่งเค้าเป็นเด็ก เค้าไม่ได้เกิดมา ซึ่งเค้าก็ทำอะไรไม่ได้นอกจาก คอยตามจองเวรคนที่ทำร้ายเค้า



ส่วนเรื่องถวายปัจจัย อาตมาไม่มีความเห็น

เรื่องโลกวิญญาณ นี้มันเป็นสาระ หรือ เป็นสิ่งสำคัญของพระพุทธศาสนามั้ย
เค้าไม่อยากให้พูดเรื่องจิตวิญญาณ เพราะจะกลายเป็นเรื่องงมงายไป ไม่มี ไม่เห็น ก็มีชีวิตอยู่อย่างปกติสุขได้ ยกเว้นว่ารู้และเห็นแล้วจริง

ถามเรื่องพระเครื่องหน่อยครับ พระที่ปลุกเสกเครื่องสิ่งศักดิ์สิทธ์นี่ มีความเห็นยังไงครับ
มันเป็นเรื่องของจิตศรัทธา อย่างพระเครื่องมันก็เป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า ซึ่งแม้ว่าคนสมัยนี้จะเอาไปใช้เป็นเรื่องราวป้องกันภัย บางอย่างที่พระเครื่องสร้างปาฏิหาริย์ มันจะเกิดทุกคนมั้ย ก็ไม่ใช่ มันแล้วแต่คนด้วย คนเลวบางคนใส่พระเต็มตัว อมพระในปาก โดนปืนกลสาดเละก็มี

ส่วนเรื่องควรไม่ควร พระปลุกเสก หรือสร้างรูปหล่อ ต้องดูว่าเพื่ออะไร เช่น พิธีฉลองครบรอบ 60 ปีครองราชย์ เอาเงินถวายให้ในหลวง ก็ถือว่าสมควร
แต่บางวัดก็ไม่ควร หล่อรูปเจ้าแม้กวนอิม บอกว่ามาจากจีน ตอนแรกทำแค่ 400 องค์ หมดแล้ว เอามาอีก 500 แล้วก็เอามาอีก 500 ให้เช่าแค่ผู้หญิง เท่านั้น ค่าเช่าองค์ละ 4000 บาท ซึ่งตอนหลังก็สืบรู้ว่าไปสั่งทำจากพุทธมณฑลสายสี่นี่เอง
ถึงจะบอกว่าไม่เหมาะ แต่เจ้าอาวาสและวัดนี้ก็ยังอยู่ดี

แล้วเราทำอะไรได้บ้าง กรณีนี้
วิธีที่เราควรทำที่สุดคือ ไม่สนับสนุน แค่นั้น แหละ
คือคนไทยยังเชื่ออะไรง่ายเกินไป งมงายไป เช่น จุตคาม จากการบูชา กลายเป็นการค้า และการเป็น เจ๊ง ล้มละลาย
กู้หนี้ยืมสิน แรกๆอาจจะดี แต่หลังๆจุดประสงค์มันไม่ใช่

เหมาะไม่เหมาะนี่ อาตมาคิดว่า พระที่เค้าเอาเงินไปทำซ่อมแซม โน่นนี่ก็ยังถือว่าโอเค



ผมเห็นบางวัด มีรูปหล่อจุตคามใหญ่มาก ตั้งกันดื้อๆในวัดเลย ถ้าแบบนี้มันสมควรแล้วเหรอ เพราะมันก็อาจไม่ใช่สาระที่พระพุทธเจ้าสอน เหมือนเอาเทพมาขาย จุตคามรามเทพ มันก็ไม่เชิงเอาเทพมาขาย เพราะเค้าก็เป็นโพธิสัตว์ที่ปกปักรักษาพระพุทธศาสนาเหมือนกัน
คือรู้ได้ รู้จักได้ นับถือได้ แต่อย่ายึดติด ไม่ได้ช่วยให้ตัวเองรอดพ้นได้จากการเวียนว่ายตายเกิด คือผู้ที่ตัวเองช่วยคือตนเอง ไม่ใช่เทพ

จุดมุ่งหมายของศาสนาพุทธคืออะไร
จุดสูงสุดพุทธคือ นิพพาน แต่จริงๆแล้ว พระพุทธเจ้า เผยแพร่ทำมาแค่ ให้คนรู้จักเกรงกลัวต่อบาป รู้จักละอาย แค่ศีล 5 มีสติ รู้ดีชั่ว ก็พอแล้ว
เช่น การเป็นชู้ เมียน้อย เมื่อก่อนมียาก เดี๋ยวนี้มีง่าย เหมือนเป็นเกย์ มันก็มีมานานตั้งแต่พุทธกาล แต่เดี๋ยวนี้เปิดเผยขึ้น ซึ่ง เหมือนจะดีนะ อายุ 30 ก็ยังมีเพื่อน มีคนอยู่ด้วย แต่กลังจากนั้นแหละ เค้าจะทุกข์ เหงา ...ชู้และเกย์ ก็เข้าทำนองคล้ายกัน มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากที่เราจะหลงเข้าไป แต่เราก็จะทุกข์ในภายหลัง

เราสามารถเข้าถึงนิพพานได้โดย วางธรรมะ คือไม่ยึดติด ไม่ยึดติดกับธรรมะ รู้กิเลสจนถึงที่สุด รู้ธรรมะจนถึงที่สุด อันนั้นถึงว่าจบโดยสมบูรณ์ ถ้าไม่รู้จักกิเลส ก็ไม่รู้จักบุญ ถ้าไม่รู้จักบุญ ก็ไม่รู้จักกิเลส โลกนี้มันมีทั้งสองด้านเสมอ เหมือนอยู่กับตาย

โยมรู้จักคำว่า "ตายก่อนตาย"ไหม
คือถ้าเราจะโตขึ้น เติบโตขึ้น เราต้องผลัดผิว ผลัดส่วนในกายแล้วออกไป ถ้าเราไม่ตาย มันก็ไม่เติบโต

เรื่องสวดมนต์มีผลกับผมมาก มันเป็นส่วนนึงที่ทำให้ผมไม่เข้าใจศาสนาว่า ทำไมโรงเรียนต้องบังคับผมสวดมนต์ ทำไมอาจารย์ต้องบอกว่ามันได้บุญ
เรื่องบุญในการสวดมนต์ สวดเพราะความจำยอม มันไม่ได้บุญหรอก แต่ถ้าสวดเพราะสมาธิ ก็ได้บุญ
ส่วน บุญคืออะไร ความรู้สึกยินดี เต็มใจ ทำแล้ว สบายใจ ทำให้จิตใจเราผ่องใสขึ้น สงบขึ้น เรามีสุข นั่นคือ บุญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น